วันพุธที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2551

Continue 6/9/08





รายการต่อไปที่จะนำเสนอคือ "หอฟ้าเทียนถัน"

ที่นี่เป็นที่ๆฮ่องเต้ มาบวงสรวงเทพเจ้าในวันสำคัญต่างๆ


นี่เป็นทางเข้าจากทางด้านหน้าของหอนี้

ในนี้จะแบ่งออกเป็นสามส่วนคือ 

ส่วนทำพิธี

Echo wall (เวลาพูดตรงกลางแล้วเสียงจะก้องไปทั่ว)

แล้วก็ส่วนที่ฮ่องเต้จะยืนและพูดกับเทพ



แต่สถานที่แห่งนี้มีความน่าพิศวงอยู่อย่างนึงคือ จะมีกิจกรรม แปลกๆให้เห็นตามระเบียง
เช่น

นั่งเล่นไพ่กัน นั่งถักไหมพรม ร้องเพลง

พอเข้ามาภายในระเบียงแล้วก็จะได้ยินเสียงดังมากเหมือนการจับกลุ่มร้องเพลงกัน
พอเดินตามเสียงมาเรื่อยๆ เสียงก็จะเริ่มดังขึ้น แต่ที่น่าตกใจก็คือพอเดินไปถึงแล้ว
เห็นกลุ่มผู้ชายกลุ่มใหญ่ๆยืนร้องเพลง และฝั่งตรงข้างก็จะเป็นฝ่ายหญิง
ตอนแรกนึกว่าเค้าร้องเอาสนุกสนานสัก ห้าหกคน แต่ไม่นึกว่า การร้องเพลง
ในเมืองจีนจะเป็นกิจลักษณะขนาดนี้ ล่อไปเกือบสี่สิบคน -_-' แถมมี conductor อีก

พอหลุดมาจากตรงนั้นก็ถึงทางเข้าที่จะขึ้นสถานที่บูชา ก็ค่อยสงบขึ้นมาหน่อย




นี่ก็รูปเสด็จพ่อกับเราเอง
ส่วน Echo Wallไม่ได้ไปดูเพราะว่า คนต่อแถวไปลองพูดดู มันเยอะเกินไป
ก็เลยข้ามไปดูที่ๆ ฮ่องเต้ใจพูดขอกับเทพเจ้า ปีนึงขอได้อย่างเดียว


ก็ขึ้นไปยืนแล้วขอ ถ้าได้ผลเดี๋ยวปีหน้ามาใหม่ อิอิ
วันนี้ก็ไปจบด้วยกายกรรมปักกิ่ง แต่ว่าไม่ได้ถ่ายรูปมาเพราะว่า มันมืดมาก

งั้นวันนี้ขอจบแค่นี้ก่อน แล้วไว้เข้าเรียนแล้วจะถ่ายรูปมาให้ดู

วันอังคารที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2551

การท่องเทียววันที่สอง 7/9/08

เมื่อคืนนอนหลับสบายเลย สงสัยเพราะว่า เดินเยอะ เหนื่อย ^^  ตอนเช้ามาไม่ได้กินเข้าเพราะว่า ไม่หิวเลย กินตลอดทางเมื่อวานนี้

วันนี้ตอนเช้าก็ได้มุ่งหน้าไปที่ วัด ลามะ
วัดนี้เคยเป็นวังขององค์ชายสี่มาก่อน (นี่ไม่ได้ล้อเล่นนะ ^^) สมัยนั้น ฮ่องเต้นับถือพุทธ ก็เลยอันเชิญพระภิกษุจาก Tibet มาจำวัดที่นี่ หลังจากนั้น ก็สละวังนี้ให้เป็นวัดแทน



บรรญากาศในวัดร่มรื่นดี แต่คนเยอะไปหน่อย ส่วนใหญ่ในสมัยก่อนวังจะสร้างเป็นชั้นๆ แบ่งออกเป็นส่วนหน้า กลาง และส่วนหลัง แต่ละส่วนจะมีพระที่มีความหมายไม่เหมือนกัน เช่น ข้างหน้ามีพระสังกระจาย มีท้าวจัตุโลกบาล etc. ส่วนกลางก็จะมี พระที่เป็นผู้รักษาโรค พระที่จะอวยพรเรื่องการศึกษา และอีกองค์นึงลืมไปแล้วว่าช่วยเรื่องอะไร ส่วนชั้นในจะเป็น พระพุทธเจ้า 3 องค์ 1. พระพุทธเจ้าในอดีต 2.พระพุทธเจ้าในปัจจุบัน และ 3. ในอนาคต








นี่เป็นรูปปั้นของ 3 ภพคือ ในน้ำคือ นรก ส่วนตรงกลาง


ที่อยู่เหนือน้ำก็คือ โลกมนุษย์ และส่วนที่ลอยอยู่ด้าน


บนคือ สวรรค์




นี่เป็นส่วนในของวัดแล้ว สวยดีๆ จริงๆอยากจะถ่ายบรรยากาศข้างในมาให้ดูแต่ว่าเค้า ไม่ให้ถ่ายเลยเสียใจด้วยนะ

อันนี้ขอรูปใหญ่หน่อย นานๆจะได้มีรูปกะเค้าซะที
ตอนแรก็ไม่รู้หรอกว่าไอ้นี่เค้าเอาไว้ทำอะไร เห็นแต่เค้าหมุนๆกันก็เลยไปหมุนมั่ง พี่ไกด์
ก็เลยบอกว่านี่เค้าเอาไว้สวดมนต์ตามพิธีของชาวธิเบตเค้า

สิ่งของต่อไปนี้เป็นสิ่งที่หาดูได้ยากมาก
 นี่เป็นถังขยะอายุ... ไม่กี่ปี แต่ว่าสวยดีเลยถ่ายมาให้ดู

หลังจากนั้นเราก็ไปต่อด้วย "พระราชวังต้องห้าม" แน่นอน คำถามแรกที่พุ่งเข้ามาในหัวของทุกๆคนก็คือ   "ทำไมมันจะต้องห้ามวะ?" ก็เลยถามพี่เค้าอีกที พี่เค้าก็บอกว่า  มันหมายถึงคนที่อยู่ข้างนอกอ่ะ ห้ามเข้าไป ส่วนคนที่เข้าไปแล้วห้ามออก เช่นพวก นางสนม อะไรงี้

นี่คือพระราชวังต้องห้าม แต่ว่านี่เราเข้าจากทางด้านหลังนะ เพราะว่า จุด climax จะอยู่ด้านหน้าของวังนี้





ศิลปะหินสลักอยู่ข้างบันไดที่มีแต่ฮ่องเต้เท่านั้นที่จะเดินขึ้นบันไดนี้ได้ สวยดีๆ 




  ี่เป็นห้องสมรสฮ่องเต้

ส่วนอันนี้เป็นที่กินอาหารในตำหนักที่ รูปนี้ไม่ได้ตั้งใจถ่ายลุงอ้วนนะ แต่แกไม่ยอมไปซักที
แต่ก็อาร์ตดีๆ

นี่เป็นที่ว่าราชการของฮ่องเต้ในส่วนชั้นในของพระราชวัง ส่วนใหญ่จะมีแค่ข้าราชการระดับสุงที่จะมาเข้าเฝ้าในเขตนี้ได้เท่านั้น







และนี่ก็คือ เทียนอันเหมินนั่นเอง

โอย อัพโหลดรูปเหนื่อยเลย เดี๋ยวไว้พรุ่งนี้มาต่อๆ
To Be continue

Traveling in Beijing with my dad 5/9/08


เมื่อวานเพิ่มจะมาถึงปักกิ่ง บอกตามตรงว่า ไม่ค่อยตื่นเต้นเท่าไร วันนี้ ตอนเช้าก็เข้าไปที่มหาลัย เพื่อที่จะลงทะเบียน ไม่คิดว่า การลงทะเบียนจะยากเย็นขนาดนี้ นี่ถ้าไม่ได้พี่ไกด์ที่พูดภาษาจีนเป็นนะแย่แน่เลย คนที่นี่ ก็นึกว่าพูดภาษาอังกฤษได้ แต่ว่า ..... ได้นิโหน่ย -_-' 
            
       

อาจจะงงว่าภาพพวกนี้คืออะไร  เราขอขนานนามภาพนี้ว่า โค้งมรณะ ^^ เพราะว่านี่คือ
แถวที่ต้องรอเพื่อที่จะ Register  กว่าจะทำเรื่องทุกอย่างเสร็จก็ปาไป 3 ชมกว่าแล้ว (จริงๆไอ้คนที่เห็นในรูปทั้งหมดก็เรียกง่ายๆว่าเพื่อนร่วมชะตากรรมเดียวกัน)


หลังจากที่เหน็ดเหนื่อยกับการยืนรอมาสามชั่วโมงแล้ว
ก็ไปกินข้าว หลังจากนั้นก็ได้ไปเที่ยวซักที 
สถานที่ที่เราไปก็คือ Aquarium

นี่คือ เสาส่งสัญญาณโทรทัศน์ขอ CCTV   ไม่รู้ว่ามันจะสร้างใหญ่อะไรนักหนา มันกลัวสัญญาณโทรทัศน์ไม่ชัดมั้ง ฮ่าๆๆ ^^
 
พอเข้าไปก็ประทับใจเลย ปลาตัวแรกที่ เห็นคือปลาดุกยักษ์ เห็นแล้วคิดถึง "ยำ ปลาดุกฟู"

สักพักก็เดินมาเจอไอ้ตัวนี้ แต่ไม่รู้ว่ามันชื่ออะไร ก็เลยตั้งชื่อให้มันว่า "ปลา พีน๊อกคิโอ้" แปลกดีๆ เดินไปเดินมาก็เห็นปลาทั่วๆไป แต่พอเดินเข้าอุโองแล้วเห็นปลาตัวนึง น่าแปลกมาก หรือว่า เราโง่ก็ไม่รู้ มันคือเหาฉลามนั่นเอง

เราเคยคิดว่าไอ้พวกเหาฉลามมันแค่ว่ายไล่ตามไปตามใต้ท้องฉลาม เฉยๆ แต่ความจริงก็กระจ่างขึ้น 

สรุปว่าเหาฉลามมันมีตัวดูดอยู่บนหัวด้วยแหละ 
O_o มันแค่ว่ายไปแล้วเอาหัวดูดปลาฉลามไว้ 
แล้วมันก็กินของเหลือแค่นั้นเอง สบายฉิบหาย

หลังจากที่ตื่นตระหนกตกใจกับการได้เห็นเหาฉลามแล้ว ก็ไม่ค่อยมีอะไรน่าสนใจ จริงๆไปดูที่พารากอนก็ได้ มีเหมือนกันแหละ ^^  หลังจากนั้นก็ออกเดินทางไปที่ "พระราชวังฤดูร้อน"
              
พระราชวังฤดูร้อนถูกสร้างขึ้นตามคำสั่งของซูสีไทเฮา ไว้เป็นที่พักอาศัยในฤดูร้อนเพราะว่าในพระราชวังต้องห้ามนั้น ไม่มีต้นไม้ ทำให้มีอากาศร้อนมากในฤดูร้อน แต่ซูสีไท
เฮาได้อ้างว่าต้องการให้ทหารเรือนั้นได้ฝึกรบ ก็ได้มีการสั่งให้ขุด ทะเลสาบนี้ขึ้นมา ที่เห็น
ในรูปเป็นแค่ส่วนเล็กๆเท่านั้น บริเวณสระทั้งหมดนั้น กว้าง สัดๆ โปรดฟังอีกครั้ง กว้างสัดๆ ทั้งหมดนี้ใช้คนขุดล้วนๆ ความลึกประมาณ 5-10 เมตร แล้วดินทั้งหมดหายไปไหนรู้มั้ย?  ซูสีไทเฮา ทรงสั่งให้สร้างภูเขาเพื่อให้เหมาะกับหลักฮวงจุ้ย ก็คือไอ้เขาในรูปที่เห็นอ่ะแหละ  ถ้าคิดไม่ออกว่าใหญ่แค่ไหนก็ลองมองด้านล่างของรูปอ่ะ  ไอ้ทีเห็นเห็นสีขาวๆอันเล็กๆขวามือ ก็คือเรือ speed boat อ่ะแหละ 

อันนี้ก็ของแปลกอีกอันนึง นี่เป็นเรือที่สร้างขึ้นด้วยหินอ่อน?
ช่ายๆๆๆ คงคิดเหมือนกันสินะว่า จะสั่งให้สร้างเรือที่ทำจากหินอ่อนไปทำซากอะไร ^^ ก็เลยตัดสินใจถามพี่ไกด์ว่า ทำไม เค้าก็เลยบอกว่า เป็นเรื่องของฮวงจุ้ย
หินอ่อนมันหนัก ก็หมายถึงให้อำนาจอยู่กับซูสีไทเฮาไปตลอด

ก็เลยมาถึงบางอ้อ ^^




รูปนี้ที่เห็นอยู่ก็คงเป็นระเบียงที่ยาวที่สุดในโลกมั้ง ยาวเกือบกิโลอ่ะ
ไม่รู้จะสร้างทำไมยาวๆ เดินซะขาลากเลยหละ ^^แต่ด้านในระเบียง  จะมีภาพวาดอยู่เต็มไปหมดเลย และแต่ละภาพจะไม่ซ้ำกันเลยซักอัน 
-_-' ตลอดเกือบหนึ่งกิโลนั้น มีรูปทั้งสองข้างทางเลย




 
ไอ้สะพานนี่ไม่ได้มีตำนานอะไรกับเค้าหรอก แค่เห็นมันสวยดีเลยถ่ายมา ^^

แล้ววันนี้ก็กลับมาที่โรงแรมด้วยอาการปวดขาอย่างแรงเพราะเดินเยอะ ^^ 
โปรดติดตามตอนต่อไป